WONGAR บาร์ลับๆย่านสะพานควาย
WONGAR ウォンガー Bangkok
(บาร์ลับๆย่านสะพานควาย)
จุดเริ่มต้นของร้าน WONGAR มาจากอะไร
คุณจาค : จุดเริ่มต้นมาจากการที่เราทำโปรเจคต์ที่ออกแบบในพาร์ทของการดีไซน์มาระยะหนึ่ง แล้วอยากลองทำอะไรใหม่ๆดู เลยเลือกทำร้านแบบ SME (Small and Medium Enterprises วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) เราอยากลองทำธุรกิจอื่นๆดูบ้างว่าเป็นอย่างไร เราอยากเอาความ Creativity ใส่ไปในพื้นที่นั้นให้น่าดึงดูดมากขึ้น ไอเดียนี้ก็คือร้านซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับสตูดิโอ เราแค่รู้สึกว่าถ้าเกิดนำมาเชื่อมโยงกัน เหมือนจะทำให้สตูดิโอมีมิติที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้เป็นแค่การออกแบบอย่างเดียว นั้นก็คือไอเดียจุดตั้งต้นของการทำธุรกิจใหม่
ไอเดียของธุรกิจร้านอาหารเริ่มจากอะไร
คุณจาค : เราอยู่กับธุรกิจงานออกแบบมา 10 กว่าปี พอมีโอกาสเข้ามาเรามองว่าพื้นที่นี้ทำเลดี เราเลยลองทำอะไรสักอย่าง คิดว่ามันน่าจะสนุกดีกับการทำร้านอาหาร เราคิดว่ามันคงไม่ได้ยากอะไร แต่พอทำจริงๆแล้วดีเทลเยอะมาก แล้วก็ไม่ง่ายที่จะทำให้มันดี เราสนุกที่ได้ทำร้านอาหาร ปกติเราออกแบบให้ลูกค้า แล้วก็ส่งงานต่อให้เขาก็เป็นอันจบ แต่ร้านอาหารเราเหมือนทำเองทั้งหมดทุกขั้นตอนและการ Develop ออกมาเป็นเมนูต่างๆ พอขายได้แล้วลูกค้าให้ Feedback มาได้เลย เราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ดีเหมือนกัน ปกติทำงานออกแบบกว่าจะดึงความสนใจของลูกค้าได้ แต่อันนี้เราเห็นผลลัพธ์แล้ว เราสามารถนำมาปรับมาทำต่อได้เลย ก็เหมือนได้ประสบการณ์ใหม่ที่สนุกดีครับ
แนวคิดในการออกแบบร้าน รูปแบบต่างๆหรือสไตล์ได้ไอเดียมาจากอะไร
คุณจาค : เริ่มจากความสนใจของตัวเอง ว่าเราสนใจอะไรบ้าง อะไรที่เราน่าจะทำสำเร็จ ก็คือเริ่มจากความชอบว่าอยากจะทำอันนี้ เราไม่ได้คิดในมุมเป็นตรรกะขนาดนั้น ตรรกะจะตามมาทีหลังตอนที่เรา Educate ได้ก็แบบมันสายเกินไปที่จะแก้ไขได้ พอจะทำร้าน Budget ก็ตัดทอนจนเหลือสิ่งที่คิดว่าจำเป็น แต่เราก็คิดว่าจะจ้างคนออกแบบร้านก็จำเป็น เหมือน Contrast เชฟทำเมนูต่างๆ ก็จำเป็นเหมือนเลือกอะไรให้เป็น Essential ในการทำและเมื่อเราทำแล้วเราก็ได้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น เวลาเรากลับมาทำ Project ให้ลูกค้าในเรื่องต่างๆหรือความต้องการของลูกค้า
การทำร้านอาหารเหมือนกับการทำโปรเจคออกแบบไหม
คุณจาค : ใช่ครับ เหมือนเป็น Essential Project ของเราเองในระยะยาว เราทำแล้วหยุดไม่ได้เหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ในทางที่เราคิดคือเราก็ต้องไปต่อ เหมือนเราตัดสินใจที่จะลงเรือไปแล้ว เราก็ต้องเดินเรือต่อไป
อะไรคือจุดเด่นของร้าน WONGAR
คุณจาค : จริงๆแล้วคิดว่ามันคือบรรยากาศรวมๆ ของทุกอย่างที่มันประกอบและรวมกันเป็น Space แบบนี้ ที่ไม่ใช่แค่อาหารหรือเครื่องดื่มอย่างเดียวแต่เป็นองค์ประกอบทั้งหมดที่ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่นี้มันพิเศษ และอีกอย่างหนึ่งคือเราคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสตูดิโอ คนที่มาเที่ยวก็จะรู้สึกว่าไม่ได้มาอยู่ในร้านซะทีเดียว แต่เหมือน Comfort Zone สำหรับอาหารที่มาจากประสบการณ์ของเรา ซึ่งไอเดียนี้ก็ค่อนข้างที่จะเปิดกว้าง
เส้นทางอนาคตของร้าน WONGAR เป็นอย่างไร
คุณจาค : ตอนนี้เรายังไม่ได้มองไกลมากและยังไม่มีแพลนว่าจะขยายเป็นสาขา เราอยากใช้พื้นที่นี้เป็น Learning Curve ในการขยายธุรกิจอื่นอยู่ แต่ว่าตอนนี้คือยังไม่แน่ใจว่ามันคือธุรกิจอะไร คือถ้าวันหนึ่งมันไปได้คิดว่าตรงนี้อาจจะเป็น Heading Kitchen หรืออาจจะเป็นสตูดิโอที่ไม่มีร้านอาหารแล้ว แต่หลักๆเราอยากจะสร้างเป็นแบรนด์ WONGAR นี่แหละ หมายถึงประสบการณ์ที่สร้างในร้านหรือ Touch Point ต่างๆ เราอยากให้เป็นแบรนด์ขึ้นมาแล้วมันจะขยับไปเป็นอะไรก็ได้ในเรื่องของอนาคต
ชื่อร้าน WONGAR มาจากอะไร
คุณจาค : มันคือชื่อกระรอกครับ กระรอกที่เป็นโลโก้ของร้านคือเราคิดชื่อให้มันขึ้นมา เราก็คิดว่าร้านนี้มันควรจะมีตัวละครอะไรสักอย่าง เลยคิดว่าเป็นกระรอกแล้วกัน
มุมมองกับการทำร้านอาหารในตลอด 4 เดือนได้เรียนรู้อะไรบ้างครับ
คุณจาค : เราได้เรียนรู้เยอะมากๆเลย ใน 2 เดือนแรกผมว่ามันเหนื่อยที่สุดๆ แต่พอเข้าเดือนที่ 3 ก็เริ่มสบายขึ้นเพราะทีมเริ่มลงตัว และมันไม่ใช่แค่เราที่สบายคนอื่นในทีมก็ทำงานได้ง่ายมากขึ้น เราเริ่มมาโฟกัสในเรื่อง Marketing มากขึ้นเช่น เราเริ่มมีวงดนตรีมาเล่นในร้าน ก็เหมือนเราเริ่มมีเวลาได้คิดส่วนอื่นๆได้มากขึ้นนะ คิดว่าต่อๆไปแนวโน้มมันคงจะดีขึ้นเรื่อยๆตาม Steap ที่มันเป็น
สไตล์รูปแบบของร้าน WONGAR ยึด Japanese เป็นหลักใช่ไหม
คุณจาค : เป็นเหมือน Inspiration มากกว่า คือเหตุผลที่เราเลือกญี่ปุ่นอย่างแรกเลยคือ มันเหมือนกับมันเป็นอาหารที่คนไทยเข้าถึงง่าย เราก็อยากจะ Inspiration มาบวกกับชาติอื่นๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันเข้าใจง่าย คนไทยก็ชอบ เราก็เลยเลือกทางนี้เพราะส่วนตัวเราก็ชอบด้วย
Inspiration ของแต่ละเมนูเริ่มมาจากอะไร
คุณจาค : หลักๆเราเริ่มจากความสนุกก่อนและความ Creative คือสิ่งที่เราถนัด เราผสมมันลงไปในอาหารและเครื่องดื่มด้วย
เมนู Open The Semi ของทางร้านเป็นอย่างไร
คุณจาค : เมนู Open The Semi เป็นการรวมกันอย่างลงตัว ทั้ง Concept, รสชาติ, หน้าตาอาหาร, presentation และราคา
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้ไปได้ต่อหรือสำเร็จมากขึ้นในอนาคต
คุณจาค : เราคิดว่าอยากให้มันเป็น Neighborhood Bar เหมือนว่าในละแวกนี้ร้านเราต้องให้ความรู้สึกว่า Comfort มากพอที่ลูกค้าจะแวะมา ซึ่งอาจจะเริ่มจากคนในพื้นที่หรือชุมชนละแวกนี้ แล้วถ้าระยะยาวก็คิดว่าจะเป็นเรื่องของการ Development Product คิดว่าตอนนี้เหมือนกับทิศทางร้านยังไม่นิ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าไอเดียของเราคือเราอยากให้มันเป็นร้านที่เวลาที่คนมาสะพานควายก็คือจะต้องนึกถึง WONGAR อยู่ในช้อยส์หรืออยู่ในอันดับแรกๆที่คนนึกถึง อันนี้คือเป็นไอเดียเราที่พยายามทำ ซึ่งการที่จะทำให้เป็นแบบนั้นได้เราก็ต้องมีความน่าสนใจของร้าน เพื่อจะได้รู้ว่าคนจะชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ก็คิดว่าจะมีการทำอีเว้นอยู่เรื่อยๆเพื่อที่จะดึงดูดลูกค้า
WONGAR ได้เจอตัวตนของร้านหรือยัง
คุณจาค : เจอครับ แต่ว่าเวลาผ่านไปมันอาจจะเปลี่ยนไปหรืออาจจะไม่เปลี่ยนก็ได้ ตอนแรกก็คิดว่าร้านจะเป็นอีกแบบหนึ่งจนมาถึงตอนนี้ก็ไม่ได้เหมือนกับวันแรกที่คิดไว้
ตอนแรกคิดว่าภาพในหัว WONGAR เป็นยังไงบ้าง
คุณจาค : ตอนแรกคิดไว้เลยคือไม่ได้เป็นบาร์มากขนาดนี้ เหมือนว่าเข้ามานั่งดื่ม กินข้าวกันสบายๆกว่านี้ แต่พอทำมามันคือบาร์กว่าที่คิดทิศทางมันก็หลากหลายกว่าที่คิด บางคนคิดว่าที่นี่ไม่ได้เหมาะกับการมานั่งดื่ม มันเหมือนวันแรกๆคิดว่าจะมานั่งกินข้าว แล้วหลังๆเริ่มรู้ว่าที่นี่เหมาะกับการมานั่งดื่ม คือผมว่ามันแล้วแต่ว่าเขาได้ Message มาจากไหน คือจริงๆแล้วตอนนี้มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เลยไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย ให้เวลาเป็นตัวตัดสินแล้วกั
เราทำงานด้านกราฟฟิกที่ควบคู่กับการทำร้านอาหารด้วย เราจัดการตัวเองอย่างไร
คุณจาค : ก็มีเหนื่อยบ้าง แต่ไม่ได้จัดการอะไรเพิ่มเลยแค่ทำ ในสิ่งที่ต้องทำ แต่สุดท้ายมันก็คงต้องมีเวลานอนหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่ว่าทำจนไม่มีเวลานอนขนาดนั้น คือตอนนี้เหมือนเรามองในภาพกว้างแล้วก็อาจจะ Develop ให้ฝั่งทีมออกแบบอยู่ได้ด้วยตัวเองมากขึ้น เราจะได้ออกมาดูภาพที่กว้างกว่าเดิม
รายละเอียดการทำงานด้านออกแบบกับการจัดการร้านอาหาร Wongar แตกต่างกันอย่างไร
คุณจาค : งานออกแบบเราทำแค่กราฟฟิกครับ แต่ร้านอาหารเราต้องทำทุกอย่าง เราออกแบบแค่กราฟิกมันจบแค่รูปแบบงาน ป้าย, งานพิมพ์, ออกแบบโลโก้ จัดวางองค์ประกอบภาพ มันแค่นั้นแล้วเราก็ส่งงานให้ลูกค้า แต่พอเราทำร้านอาหารเองคือ การจัดการภายในร้าน เครื่องครัว อินทีเรีย ดนตรี ระบบการจัดการร้าน จากตอนแรกที่เราทำกราฟิกอย่างเดียว แต่มันสนุกนะ แต่ถ้าเรามีเงินก้อนใหญ่ๆเลยโมเดลที่เราควรจะเป็นคือเราต้องมี Back of house ที่แข็งแรง และเราก็เอาเงินนั้นเปิดร้านและให้ Back of house บริหารจัดการให้เรา
สิ่งที่อยากฝากถึงผู้ประกอบการร้านอาหารใหม่ๆ กับสิ่งที่เราคิดว่าทำมาทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้องมีอะไรบ้างในตลอดระยะเวลา 4 เดือนนี้
คุณจาค : ถ้าเอาสิ่งที่ถูกทิศทางมากกว่านี้คิดในมุมที่ว่าเราอาจจะโฟกัสมากกว่านี้ในทิศทางว่าจะเป็นบาร์ หรือร้านอาหารเราก็อาจจะโฟกัสในเรื่องอื่นได้มากกว่านี้ พอเราไม่ได้โฟกัสตรงนั้นมากนักมันเลยหลากหลายมาก เรื่องระบบหลังบ้านต่างๆคือสิ่งที่คิดว่าจะแก้ไข และสิ่งที่รู้สึกว่าก็ไม่ได้ถูกต้องขนาดนั้นแต่ว่าก็ยังสามารถ Develop ไปได้เรื่อยๆในแต่ละวันให้มันดีขึ้นไปได้เรื่อยๆถ้าสรุปความถูกต้องคือ ความลอยตัวของร้านเราซึ่งคิดว่าถูกที่สุด เพราะเมื่อเราเปิดร้านแล้วในแต่ละวันเราจะเจอกับลูกค้าที่แตกต่างกันไม่ซ้ำกันเลย เราจึงมีการปรับเปลี่ยนไปได้ตลอด ซึ่งเราก็จะมีการบริหารจัดการไม่ซ้ำกันเลย เพราะนี่คือร้านแรกของเรา เราเลยไม่ได้กำหนดขอบเขตขนาดนั้นเพราะเราไม่ได้รู้อะไรเลย พอเราเริ่มใหม่เราจะสามารถปรับตัวได้ตลอดในการจัดการหรือบริหารจนหาจุดที่ลงตัวที่สุดได้