Chef Gun
Chef Gun
จากนักวิเคราะห์หุ้น สู่หัวหน้าเชฟร้าน Take eat easy เส้นทางอาชีพที่น่าสนใจของ เชฟกัน เชฟผู้มากประสบการณ์ และจุดเริ่มต้นของการเดินทางทำงานสายอาหาร
From investment analyst to head chef of "Take eat easy" restaurant, the interesting career path of Chef Kan, an experienced chef and the beginning of his journey in food industry.
- จุดเริ่มต้นที่ทำให้เชฟสนใจการทำอาหาร (The Beginning of Cooking)
ในระหว่างที่ทำงานอยู่บริษัท Opec ที่บ้านของเชฟกันก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว เป็นโรงงานขายเส้นบะหมี่แบบดั้งเดิม โดยเริ่มต้นมาจากรุ่นอากงที่ทำร้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้วก็แยกออกมาทำโรงงานบะหมี่ ขายเส้นบะหมี่ กับแผ่นแป้งเกี๊ยว ชีวิตของเชฟกันได้ใกล้ชิดกับธุรกิจอาหารมาตลอด แต่ว่าเชฟกันก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานที่บ้าน เพราะไม่ได้มีความรู้สึกอินกับธุรกิจของที่บ้านเท่าไหร่นัก จุดเริ่มต้นที่มาสนใจอาหารอย่างจริงจังก็คือ เชฟกันเคยทำอาหารเล่นๆ ที่บ้านมาก่อน แล้วได้ไปดูทีวีรายการนึงในโทรทัศน์ คือรายการเชฟกระทะเหล็กจากประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นเป็นเทปที่โจเอล โรบูชงมา โดยปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะมีความเป็นชาตินิยมในตัวสูงมาก แล้วก็จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนฝรั่งเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเห็นเชฟโรบูชงเดินเข้ามาในรายการ ทุกคนให้ความเคารพชายคนนี้ ทำให้เชฟกันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เลยทำให้เชฟกันอยากรู้ว่าชายผู้นั้น เค้าคือใคร?
While working at Opec, Chef Kan's family already had a food business. It was a traditional noodle factory. It started with his grandfather's generation who had a noodle shop and then branched out to a noodle factory, selling noodles and wonton sheets. Chef Kan's life has always been close to the food business. However, Chef Kan did not help out at home because he did not feel very involved with the family business. The beginning of his serious interest in food was when Chef Kan used to cook for fun at home before and watched a TV program on TV, which was the Iron Chef program from Japan. At that time, it was a tape that Joel Robuchon recorded. Normally, Japanese people are very nationalistic and do not give much importance to Westerners. However, when he saw Chef Robuchon walk into the program, everyone respected this man, which impressed Chef Kan very much. It made Chef Kan want to know who this man was.
- จุดเปลี่ยนที่มาทำอาชีพเชฟ (The Turning Point That Led Me to Become a Chef.)
เริ่มมาจากสนใจว่าโจเอล โรบูชงคือใคร แล้วถึงเริ่มอยากจะทำอาหารอย่างจริงจัง มีอยู่ช่วงที่เชฟกันทำอาชีพเป็น Full-Time Investor คือการเล่นหุ้นอยู่บ้านอย่างเดียวเป็นเวลาหลายปี ทำให้ช่วงนั้นพอมีเวลาว่าง เลยได้ลองไป Take Course วิชาการทำอาหาร เริ่มจากไปที่ศูนย์ฝึกอาชีพก่อนเป็นอันดับแรก พอได้ไปลองแล้วก็รู้สึกชอบการทำอาหารเป็นอย่างมาก เลยตัดสินใจไปเรียนการทำอาหารฝรั่งเศส ที่กอร์ ดอง เบลอ เพราะมีความต้องการอยากทำอาหารแบบเดียวกับที่โรบูชงทำ เรียนจบก็ได้ไปทำงานที่แรกที่ Sirocco Restaurant at lebua ในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นั่น เป็นความโชคดีของเชฟกันที่โรบูชงมาเปิดร้านอาหารสาขาใหม่ในกรุงเทพฯ ทำให้เชฟกันมีโอกาสได้เข้าไปทำงานที่ร้านของโรบูชงอยู่พักนึง ร้านตั้งอยู่ที่ Mahanakhon CUBE แล้วหลังจากนั้นก็ทำอาหารมาตลอด อาจจะมีแบบสลับไป สลับมาบ้าง แต่ยังอยู่ในวงการอาหารมาตลอด หลังจากทำงานกับโรบูชง ก็ได้ไปทำงานที่จีน มณฑลฟูโจอีกด้วย
It started with my interest in finding out who Joël Robuchon was, which sparked my genuine desire to cook. There was a period when Chef Kan worked as a Full-Time Investor, mainly trading stocks at home for several years. During that time, with some free moments, I decided to take a cooking course, beginning with a vocational training center as the first step. Once I tried it, I realized I really enjoyed cooking, which led me to decide to study French cuisine at Le Cordon Bleu, as I wanted to cook in the style of Robuchon. After graduating, I started working at Sirocco Restaurant at Lebua. While working there, I was fortunate that Robuchon opened a new branch in Bangkok, giving me the opportunity to work at Robuchon's restaurant for a while. The restaurant was located at Mahanakhon CUBE. Since then, I've continued cooking, though I may have switched around a bit, I've always stayed in the culinary field. After working with Robuchon, I also had the chance to work in Fujian province, China.
- การผจญภัยในอาชีพเชฟ (Chef Career Adventures)
เริ่มมาจากสนใจว่าโจเอล โรบูชงคือใคร แล้วถึงเริ่มอยากจะทำอาหารอย่างจริงจัง มีอยู่ช่วงที่เชฟกันทำอาชีพเป็น Full-Time Investor คือการเล่นหุ้นอยู่บ้านอย่างเดียวเป็นเวลาหลายปี ทำให้ช่วงนั้นพอมีเวลาว่าง เลยได้ลองไป Take Course วิชาการทำอาหาร เริ่มจากไปที่ศูนย์ฝึกอาชีพก่อนเป็นอันดับแรก พอได้ไปลองแล้วก็รู้สึกชอบการทำอาหารเป็นอย่างมาก เลยตัดสินใจไปเรียนการทำอาหารฝรั่งเศส ที่กอร์ ดอง เบลอ เพราะมีความต้องการอยากทำอาหารแบบเดียวกับที่โรบูชงทำ เรียนจบก็ได้ไปทำงานที่แรกที่ Sirocco Restaurant at lebua ในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นั่น เป็นความโชคดีของเชฟกันที่โรบูชงมาเปิดร้านอาหารสาขาใหม่ในกรุงเทพฯ ทำให้เชฟกันมีโอกาสได้เข้าไปทำงานที่ร้านของโรบูชงอยู่พักนึง ร้านตั้งอยู่ที่ Mahanakhon CUBE แล้วหลังจากนั้นก็ทำอาหารมาตลอด อาจจะมีแบบสลับไป สลับมาบ้าง แต่ยังอยู่ในวงการอาหารมาตลอด หลังจากทำงานกับโรบูชง ก็ได้ไปทำงานที่จีน มณฑลฟูโจอีกด้วย
When I was in China, I went to create Thai food menus for the restaurant. I went on trips, gained experience in various places, and started doing Kitchen Planning. When I returned to Thailand, I went to work at D'ARK restaurant as the Opening Team for the Icon Siam branch. At that time, I returned to the kitchen again. After a while, I moved to take care of the Flagship Store in every branch of EmQuartier.
- การนำความรู้ทางการเงินมาใช้ในอาชีพเชฟ (Applying Financial Knowledge to a Chef Career)
ข้อดีของการเป็น Finance People ทำให้ค่อนข้างคิดหลายทาง และจะมีเรื่องตัวเลขมาอยู่เสมอ ดังนั้นการคิด Food Courses จึงไม่เป็นปัญหามา มีมุมมองที่กว้างกว่าคนที่ทำอาหารเพียงอย่างเดียว เช่น ถ้าเกิดเราทำอาหารอย่างเดียว เราอาจจะทำออกมาได้ดี แต่ก็ยังไม่สามารถเห็นภาพว่า จะต้องทำยังไงให้ร้านของเราประสมความสำเร็จ
The advantage of being a Finance People is that you can think in many ways and there will always be numbers involved. Therefore, thinking about Food Courses is not a problem. You have a broader perspective than those who only cook. For example, if we only cook, we may do it well, but we still cannot see how to make our restaurant successful.
- ความภาคภูมิใจส่วนตัวในเส้นทางอาชีพเชฟ (Personal Pride in the Chef Career Path)
เส้นทางอาชีพเชฟมาประมาณ 9-10 ปี ในช่วงแรกของอาชีพ ความภูมิใจยังเป็นเรื่องการทำอาหารให้อร่อย แต่ช่วงหลังความภูมิใจของเชฟกันคือ การถ่ายทอด หรือสอนงานรุ่นน้องให้สามารถต่อยอดงาน และควบคุมงานของเชฟต่อไปได้
The chef career path has been around for about 9-10 years. In the beginning of the career, the pride was still in making delicious food. But recently, Chef Kan's pride is in passing on or teaching the work to the younger generation so that they can continue to develop the work and control the chef's work.
- ความท้าทายในอาชีพเชฟ (The challenges of being a chef)
ความท้าทายของอาชีพเชฟมีหลายอย่าง ทั้งเรื่องตัวเลขที่พูด ยังมีอีกส่วนที่อยากจะคอมเม้นท์ คือเรื่องการจัดการเวลา การเป็นเชฟนั้นมันมีเรื่องออเดอร์ที่ต้องจัดการ มีลูกค้ารออาหารอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรามี Time Management ที่ดี เรื่องนี้มันกลายเป็นนิสัยติดตัวของเชฟไปแล้ว หรือเรื่อง Personal Preference ที่แต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน เป็นความท้าทายของอาชีพจะมาในทุกๆวัน เพราะว่าในแต่ละวันเราจะเจอคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนจะมี ความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ในเรื่องของเวลา เรื่องของข้อจำกัดบางอย่าง ความท้าทายคือ การทำให้ทุกอย่างสำเร็จ โดยมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน
There are many challenges in being a chef, including the numbers that are being spoken about. There is another part that I would like to comment on, which is time management. Being a chef, there are orders that need to be handled. There are always customers waiting for food, which makes us have good time management. This has become a habit for chefs. Or the matter of personal preferences, each person has different needs. It is a challenge of the profession that comes every day because each day we will meet different people. Each person will have different needs. In terms of time, there are certain limitations. The challenge is to make everything successful by setting a clear time limit.
- ความท้าทายส่วนตัว (Personal Challenges)
วงการอาหาร มักจะมีของใหม่มาเรื่อย ๆ แต่ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงนวัตกรรมใหม่ๆ แต่หมายถึงประเภทอาหารให้เรียนรู้อยู่เสมอ อย่างเราเรียนทำอาหารฝรั่งเศสมาก็จริง ได้ไปทำอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนก็จริง แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็มีช่วงที่ต้องไปทำอาหารญี่ปุ่นอยู่พักนึง เหมือนว่าทุกครั้งที่เข้าไปในสายอาหารใหม่ๆ เราจะต้องเริ่มต้นจากศูนย์เลยทุกอย่าง เพราะเช่นนั้นส่วนตัวเชฟกันก็ยังคงมองว่า ความท้าทายคงเป็นการเรียนรู้ประเภทอาหารหลายๆอย่าง แล้วก็สามารถนำเอาประโยชน์ของอาหารแต่ละประเภทมาใช้ได้ ส่วนรางวัลหรือเกียรติยศต่างๆ อย่างเช่นรางวัล Michelin ทางเชฟกันไม่ได้โฟกัสเรื่องนั้นไว้ ส่วนตัวเชฟกันมองแค่ว่า อยากให้ร้านอาหารเป็นสถานที่ ที่เข้ามาแล้วทำให้มีความสุขมากกว่า
The food industry always has new things, but in this case, it doesn’t mean new innovations, but it means the types of food that we always have to learn. For example, I studied French cooking and tried Mediterranean cooking, but before that, I had to try Japanese cooking for a while. It seems like every time I enter a new food industry, I have to start from scratch. Therefore, Chef Kan still thinks that the challenge is learning about many types of food and being able to use the benefits of each type of food. As for awards or honors, such as the Michelin award, Chef Kan doesn’t focus on that. He just thinks that he wants the restaurant to be a place that makes you happy when you come in.
- สิ่งที่อยากจะฝากถึงคนที่เริ่มอาชีพเชฟ (What I want to leave for those who start their career as a chef)
ต้องบอกว่าเชฟก็เป็นคนนึงที่เปลี่ยนสายอาชีพมา สิ่งที่อยากจะฝากคือ ต้องเตรียมใจไม่ใช่ทำใจ ต้องเตรียมใจมาให้ดี ที่ทุกคนเห็นในรายการโทรทัศน์ จริงๆแล้ว ในชีวิตจริงก็เป็นประมาณนั้น ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะว่ามันเหนื่อย มันอาจจะเหนื่อยกว่าผลตอบแทนที่เราได้ เมื่อเราเริ่มอายุเยอะปัญหาต่างๆ ก็จะตามมา เรื่องสุขภาพ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ แต่มันก็สนุกในแบบของมัน และยังเคยกลับไปทำงานในออฟฟิศ ไปดูด้านหลังบ้าน ทุกครั้งที่กลับมา ก็จะคิดถึงการกลับเข้าไปในครัว ทั้ง ๆที่มันเหนื่อย และค่าตอบแทนต่ำกว่า ต้องบอกว่าในครัว มันจะไม่เหมือนในออฟฟิศเลยเลย และความสนุกของการเป็นเชฟ คือความท้าทาย สมมุติว่าเราย่างสเต็ก ต่อให้เราย่างทุกวัน วันละ 100 ชิ้น แต่ทุกๆครั้งที่หั่น เราก็ยังรู้สึกท้าทายตอรว่าหั่นออกมาแล้ว เนื้อชิ้นนี้ใช้ได้รึเปล่า? ความเหนื่อยมันก็แลกมาพร้อมกับความสนุกของการเป็นเชฟนั้นแหละ
I must say that I am also a chef who has changed careers. What I want to leave you with is that you have to prepare yourself, not just mentally. You have to prepare yourself well. What everyone sees on TV shows is actually the same in real life. It is not much different because it is tiring. It may be more tiring than the rewards we get. When we get older, various health problems will follow, such as back pain and neck pain. But it is fun in its own way. I also used to go back to work in the office and look at the back of the house. Every time I come back, I miss going back into the kitchen, even though it is tiring and the compensation is lower. I must say that the kitchen is not the same as the office. And the fun of being a chef is the challenge. For example, if we grill steak, even if we grill 100 pieces every day, every time we cut, we still feel challenged that when we cut it, is this piece of meat okay? The tiringness comes with the fun of being a chef.
- งานอดิเรกส่วนตัว (Personal hobbies)
ตอนนี้เชฟกันก็ได้เริ่มชกมวยไทยเป็นงานอดิเรก ที่ได้ทั้งความสนุก และสุขภาพอีกด้วย
Now, Chef Kan has started Muay Thai boxing as a hobby that is both fun and healthy.